[รีวิว + ทดสอบ] ครีมกันแดด Grip ใช้แทนรองพื้นได้จริงหรอ??

สวัสดีค่าาทุกคน วันนี้จูนจะขอมารีวิว Grip ครีมกันแดด พร้อมๆกับการทดสอบเจ้าครีมกันแดดหน้าเนียนตัวนี้ให้เพื่อนๆ ได้ดูกันว่านางมีข้อดี/ข้อเสียอย่างไรบ้าง ยิ่งเฉพาะช่วงหน้าร้อนอย่างนี้จูนเชื่อว่าครีมกันแดดก็เป็นสิ่งจำเป็นที่คนเราน่าจะต้องใช้กันทุกวันอยู่แล้ว ถ้าหากเพื่อนๆคนไหนที่กำลังมองหาครีมกันแดดที่ช่วยในเรื่องการปกปิดด้วยตัวนี้ก็ดูน่าสนใจนะคะ และที่สำคัญเขาก็มีสโลแกนเก๋ๆ ด้วยว่าเป็นครีมกันแดดที่"ไม่หลุด ไม่ลอก ไม่วอก ไม่เทา เนียนกริ๊บ!!!!" และสามารถใช้แทนรองพื้นที่เราใช้อยู่เป็นประจำได้เลย!! อะไรจะขนาดนั้น ถ้าอยากรู้ว่านางน่าสนใจยังไงต่อ เราตามไปดูพร้อมๆกันเลยค่ะ

จูนขอเริ่มที่ตัวชื่อผลิตภัณฑ์กันก่อนเลย ตัวนี้เขามีชื่อเรียกเต็มๆว่า Grip Whip Cream Sport Sunscreen SPF 50 PA+++ เอาจริงๆ คือถ้าดูแค่ชื่อ ตัวนี้จะค่อนข้างมีประสิทธิภาพในการกัดแดดที่สูงมาก เพราะมี SPF สูงถึง 50 และมี PA ถึง 3+ และต้องบอกทุกคนก่อนว่ายิ่งในช่วงหน้าร้อนของประเทศไทย เราควรใช้กันแดดที่มีประสิทธิภาพสูง เพราะตอนนี้ประเทศไทยมีค่า UV Index สูงถึง 11 เลย เรื่องค่า SPF กับ ค่า PA จึงเป็นสิ่งสำคัญมากๆ ในการเลือกซื้อครีมกันแดดค่ะ

ถ้ามาดูกันที่ปริมาณและราคา ตัวนี้เขาจะมาในปริมาณ 15 กรัม ราคา 490 บาท ส่วนตัวก็ถือว่าราคาโอเค ไม่ได้แพงมากนะ แล้วหลอดนึงก็คือใช้ได้ประมาณ 1 เดือนเลย หรือถ้าใครใช้ไม่เยอะก็อาจจะใช้ได้นานโขไปอีกกก โดยวันนี้ที่จูนจะรีวิวจะมีทั้งหมด 2 สีด้วยกัน นั่นก็คือสีเบจ/สีขาว แล้วถ้าเพื่อนๆยังสงสัยกันอยู่ว่าแล้วทั้งสองสีนี้จะมีความแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน งั้นเราไปดูกันต่อเลยค่ะ

มาที่ตัวแรก Grip Whip Cream Sport Sunscreen SPF 50 PA+++ (สีเบจ)
จะเป็นครีมกันแดดเนื้อสีเบจ ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UV โดยส่วนผสมเด่นๆ จะเป็นวิตามินซีเพื่อให้ผิวดูกระจ่างใส และมีส่วนผสมของวิตามินอีที่ช่วยในเรื่องของความชุ่มชื้น ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ยังมีส่วนผสมของน้ำมันสกัดจากเมล็ดองุ่น (Grape Seed Oil) และน้ำมันรำข้าว (Rice Bran Oil) ซึ่งจะช่วยให้ผิวนุ่ม ดูเปล่งปลั่งและเนียนใสแบบธรรมชาติค่ะ

**มีส่วนผสมของ Octocrylene เป็นสารกันแดด Organic Sunscreen และ Ethylhexyl methoxycinnamate เป็นสารกันแดดแบบ Chemical Sunscreen**

ถัดมาจะเป็น Grip Whip Cream Sport Sunscreen SPF 50 PA+++ (สีขาว)
ตัวนี้จากที่ดูแล้วเขาจะเน้นปกป้องผิวแบบครอบคลุมทั้งในเรื่องของรังสี UVA/UVB รวมไปถึงแสงสีฟ้า เหมาะกับใช้ในชีวิตประจำวันหรือกิจกรรมกลางแจ้ง จะมีส่วนผสมของวิตามินอีที่ช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น รวมไปถึงยังมีสารจากดอกคาโมมายด์ที่ช่วยลดการอักเสบและการระคายเคืองจากการโดนแดด ช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น และทั้งสองสีก็ไม่มีส่วนผสมของพาราเบนด้วยนะ

**มีส่วนผสมของ Octocrylene เป็นสารกันแดด Organic Sunscreen / Ethylhexyl methoxycinnamate เป็นสารกันแดดแบบ Chemical Sunscreen และ Titanium Dioxide ที่เป็นสารกันแดดแบบ Physical Sunscreen ที่ช่วยสะท้อนรังสีไม่ให้ตกกระทบบนผิวค่ะ**

ถ้าให้จูนสรุปคร่าวๆ ทั้งสองตัวจะมีสิ่งที่เหมือนกันคือช่วยปกป้องผิวจาก UVA/UVB, รังสี IR, แสง Blue light และมลภาวะต่างๆ อีกทั้งยังไม่มีส่วนผสมของพาราเบน มีคุณสมบัติเด่นในเรื่องของกันน้ำ/กันเหงื่อ โดยจะมีความแตกต่างกันที่ส่วนผสมเล็กน้อย และสีของตัวเนื้อผลิตภัณฑ์ค่ะ

มาดูที่เนื้อครีมกันบ้าง ตัวเนื้อครีมเขาจะแอบมีความข้น แต่เกลี่ยง่าย เนื้อจะออกแนวมูสๆ คือพอเกลี่ยไปแล้วจะมีความลื่น เวลาที่ทาลงไปบนผิวแล้วไม่เป็นคราบ แล้วก็ตัวครีมกันแดดจะไม่มีกลิ่นนะ เพราะทางเราได้ทำการดมแล้วดมอีก จนเชื่อแล้วว่านางไม่มีกลิ่นจริง

ถ้าจะให้เห็นถึงความแตกต่างอย่างชัดเจนก็ต้องดูที่เนื้อผลิตภัณฑ์นี่แหละ โดยทั้งสองตัวจะเป็นเนื้อคล้ายๆกันเลย แตกต่างกันที่สีเท่านั้น

มาดูตอนที่เกลี่ยที่หลังมือจะเห็นได้ว่าฝั่งของสีเบจจะดูกลืนเข้ากับผิวไปเลย ส่วนฝั่งของสีขาวจะดูสว่างขึ้น 1 - 2 ระดับเลยค่ะ

มาเริ่มลองทดสอบที่ผิวหน้ากัน โดยสีผิวของจูนจะเป็นคนขาว-ออกโทนเหลืองนะคะ จะแอบมีรอยสิวบริเวณข้างแก้มไปจนถึงคางหน่อย โดยฝั่งขวาของจูนจะใช้เป็นสีขาว ส่วนอีกฝั่งนึงจะใช้เป็นสีเบจเพื่อเปรียบเทียบให้เห็นถึงความแตกต่างกันได้ชัดเจน

เอาล่ะ จากที่ได้ทำการทดลองเกลี่ยให้ทั่วใบหน้าแล้ว จะเห็นได้ว่าทางฝั่งขวาของจูนที่ทาสีขาว จะดูผิวสว่างขึ้นประมาณนึงละให้ลุคที่ดูธรรมชาติกว่า แต่พวกรอยสิวก็ยังมีอยู่บ้างเล็กน้อย ส่วนฝั่งซ้ายที่เป็นสีเบจพวกรอยสิวจะดูจางกว่าฝั่งที่ทาสีขาว โดยส่วนตัวจูนคิดว่าตัวสีเบจจะค่อนข้างปกปิดได้ดีกว่าตัวสีขาวนะ คือถ้าใครชอบงานผิวแบบปกปิดหรือมีรอยสิวเยอะก็แนะนำให้ใช้เป็นสีเบจ ส่วนสีขาวจะเหมาะกับลุคสบายๆ ดูใสๆแบบธรรมชาติ ไม่เน้นปกปิดมากนักโดยส่วนตัวเลยจะแนะนำเป็นสีขาวจะเหมาะกว่า 

งั้นต่อมาเรามาลองดู Finish Look กันบ้างดีกว่า โดยที่จูนจะไม่ใช้รองพื้นในการแต่งหน้าเลย แต่จะลงเป็นครีมกันแดด Grip ตัวเดียวคือจะใช้แทนรองพื้นไปเลยนะ เรามาดูกันว่ามันจะออกมาดีหรือแย่กว่ากัน พร้อมสวดมนต์ประมาณ 999 รอบ....

.



.


- Finish Look -

เอาล่ะ เสร็จเรียบร้อยแล้วจ้ากับลุคที่ได้ออกมา วันนี้จูนลองแต่งเป็นแนวหวานๆหน่อย เอาจริงๆคือนี่ก็เป็นครั้งแรกของจูนเหมือนกันนะที่แต่งหน้าโดยไม่ทาพวกรองพื้นหรือบีบีครีมเลย แล้วผลสรุปคืออายกจะบอกว่านางเป็นครีมกันแดดที่สามารถใช้แทนรองพื้นได้เลย และให้ลุคแบบธรรมชาติมาก นี่แค่ทากันแดด+ตามด้วยแป้งฝุ่นคือจบแล้ว ไม่ต้องทาอะไรเพิ่มเลย เอาอยู่ทั้งวัน ถ้าไม่เชื่อเราลองไปดูการทดสอบเพิ่มเติมด้านล่างนี้ได้เลยจ้า

.



.





ทดสอบประสิทธิภาพครีมกันแดด!!

อันดับแรกเรามาดูในเรื่องของประสิทธิภาพการกันน้ำกันเลย โดยจูนจะใช้เป็นขวดสเปรย์น้ำแร่ ฉีดประมาณ 4-5 รอบ เหมือนกับเวลาที่เราเหงื่อออกแล้วเหงื่อจะชุ่มๆ หน่อย (บอกเลยว่าฉีดจนผมเปียก) แล้วจึงได้ข้อสรุปว่ามันกันน้ำได้จริง เพราะไม่มีการไหลหรือเยิ้มของตัวเนื้อครีมกันแดดเลย จะมีเหมือนแค่ละอองน้ำที่เกาะอยู่บนผิวหน้า จากนั้นจูนเลยลองเอาทิชชู่ซับน้ำออก ก็มีเนื้อครีมติดออกมาเล็กน้อยแต่ไม่มากค่ะ จึงถือว่าผ่านในเรื่องของการกันน้ำ/กันเหงื่อ

ลำดับถัดมาจะเป็นการทดสอบแบบโดยรวมค่ะ โดยที่จูนจะทาครีมกันแดดออกไปข้างนอกเป็นเวลา 7-8 ชั่วโมง โดยระหว่างวันจะไปทำกิจกรรมข้างนอก เพื่อเป็นการจำลองเสมือนว่าเราใช้จริงๆ ในชีวิตประจำวัน ซึ่งหลังจากที่จูนได้ทดลองใช้มาแล้วจึงขอสรุปคร่าวๆได้ดังนี้

- เรื่องความติดทน คือต้องยกให้เขาเลยจริงๆ เพราะจากการที่จูนไปเที่ยวทั้งในห้างและนอกห้างเช่น วัดหรือตลาดนัด ต้องเจอกับอากาศที่ร้อน เหงื่อไหลพลั่ก ตัวครีมกันแดดนางก็ยังคงติดทนอยู่กับผิว อาจมีหลุดบ้างนิดหน่อยตามระยะเวลา แต่โดยส่วนมากยังคงติดอยู่กับผิวอยู่ค่ะ

- เรื่องกันน้ำ/กันเหงื่อ จากที่ทดสอบไปก่อนหน้านี้คือโคตรจะตอบโจทย์มนุษย์ผิวมันเป็นที่สุด เพราะนางค่อนข้างกันน้ำและกันเหงื่อได้ดีเลยทีเดียว ขนาดซับเหงื่อไปหลายรอบก็ยังอยู่ หน้ายังเป๊ะเหมือนเดิมจ้า

- เรื่องสีดรอประหว่างวัน ก็อยู่ในระดับที่โอเคนะสำหรับจูนคือมันไม่ได้ดรอปมาก หน้ายังคงไบร์ทอยู่ นี่ทั้งวันคือจูนไม่ได้เติมแป้งเลยสักครั้งนางก็ยังช่วยให้หน้าดูสว่างอยู่ ถือว่าโอเคเด้อ

- เรื่องการปกปิด สำหรับคนที่มีรอยสิวไม่เยอะจูนว่ามันก็ปกปิดได้ดีระดับหนึ่ง ส่วนถ้าใครต้องการปกปิดมากแนะนำให้ใช้คอนซีลเลอร์ช่วย เพราะตัวนี้ก็ไม่ได้ถึงกับปกปิดขนาดนั้นแต่จะให้งานผิวที่ธรรมชาติแบบบางเบา ปกปิด คือเอาง่ายๆ ไม่รู้สึกหนักหน้า สำหรับจูนคือตัวนี้ใช้แทนรองพื้นได้สบายๆ ถ้าใครมีรอยสิวเยอะแนะนำให้ใช้สีเบจ ส่วนถ้าใครชอบแบบลุคเบาๆธรรมชาติให้ฟาดเป็นสีขาวไปเลย รับรองเวิร์ค!!


ถ้าใครสนใจอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติม
ก็สามารถเข้าไปดูได้ที่เพจ :  Grip เพจหลักบริษัท
ตามลิ้งข้างล่างนี้ได้เลยจ้า
https://www.facebook.com/GripOfficials/

สำหรับวันนี้จูนต้องขอตัวลาไปก่อนนะจ๊ะ 
ไว้เจอกันใหม่กระทู้หน้าน้าา บ๊ายบายย xoxo

ความคิดเห็น